ลูกพูดช้า ชอบเล่นคนเดียว ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เรียกไม่หัน ไม่สบตา ลูกมีแนวโน้วเป็นออทิสติกหรือไม่ อ่านได้จากบทความนี้เลยค่ะ

ออทิสติก (Autism spectrum disorder : ASD)

คือ กลุ่มอาการที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางด้านพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสาร การเข้าสังคม การมีความสนใจซ้ำ หรือมีรูปแบบการกระทำเป็นแบบแผนจำกัดในเรื่องเดิม โรคออทิสติกสามารถสังเกตเห็นอาการได้ตั้งแต่วัยเด็ก โดยเด็กออทิสติกจะมีพัฒนาการล่าช้า พูดช้า มีความยากลำบากในการสื่อสาร การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกัน โดยหากเด็กได้รับการบำบัดรักษาทางการแพทย์อย่างเหมาะสมเป็นระบบตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม จะช่วยให้เด็กที่เป็นโรคออติสติกมีพัฒนาการการเรียนรู้และการเข้าสังคมที่ดีขึ้นได้

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetics) ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติกราว 10 – 20% พบความผิดปกติที่ส่วนจำเพาะของโครโมโซม หรือยีนส์ ซึ่งตรงกับโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น กลุ่มอาการโครโมโซมเอ็กซ์เปราะ (Fragile X syndrome) หรือเร็ทท์ ซินโดรม (Rett syndrome) นอกจากนี้ ยังพบอัตราการเป็นออทิสติกที่สูงขึ้นในพี่น้องฝาแฝด หรือพี่น้องที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก ทั้งยังพบความเสี่ยงสูงในการเป็นออทิสติกในลูกที่พ่อและ/หรือแม่ที่มีอายุมากอีกด้วย
  • ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (Environmental factors) เป็นปัจจัยที่พบว่ามีความเสี่ยงอย่างมากต่อการเกิดออทิสติกในเด็ก โดยมีสาเหตุจากการใช้ยาบางชนิดของมารดาขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ขณะตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ยังพบว่าการสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก มลพิษทางอากาศ PM2.5 หรือไนโตรเจนไดออกไซด์ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดออทิสติกได้
  1. ความบกพร่องทางด้านภาษาและการสื่อสาร และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม ได้แก่

1.1 ความบกพร่องทางด้านภาษาและการสื่อสาร

มีความยากลำบากในการใช้คำพูดและภาษาท่าทางร่วมกัน

เริ่มพูดช้า หรือยังไม่พูดเมื่อถึงวัยที่เด็กส่วนใหญ่เริ่มพูด

พูดซ้ำ ๆ พูดวนไปวนมา พูดทวนคำที่คุณพ่อ คุณแม่หรือคุณครูพูด

พูดหรือออกเสียงที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ พูดไม่ชัด ไม่สามารถสนทนาได้อย่างต่อเนื่องจนจบความ

1.2 การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม

ไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพื่อนหรือผู้อื่น ไม่สามารถเข้ากับเพื่อนได้

ไม่สบตา ไม่ยิ้มให้ หรือยิ้มตอบ ไม่ทักทาย ไม่แสดงออกทางสีหน้า

หากอยากได้อะไรไม่ชี้นิ้วบอก แต่จะร้องไห้และดึงมือผู้ใหญ่ไปที่สิ่งนั้นแทน

ทำตามคำสั่งง่าย ๆ ไม่ได้

ไม่แบ่งปันสิ่งที่ตนสนใจกับผู้อื่น ชอบเล่นคนเดียว ไม่ชอบทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น

เวลาเรียกชื่อแล้วไม่หันมามองตามเสียงเรียก ไม่สบตา หรือสบตาน้อยมาก

ไม่สนใจฟังเวลาพูดด้วย เฉยเมย ไม่แสดงอารมณ์

ชอบเล่นกับสิ่งของมากกว่าเล่นกับคน

ไม่เข้ามาคลุกคลี สัมผัสกับผู้ปกครอง คุณครู หรือเพื่อน ๆ

ไม่รู้จักการใช้งานของสิ่งของ เช่น นำของเล่นมาดมหรือเลียแทนที่จะนำมาเล่น

ไม่ชอบเล่นกับเพื่อน ไม่ชอบเล่นตามจินตนาการ ไม่ชอบเล่นบทบาทสมมติ เช่น พ่อ แม่ ลูก

มักมีปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคุณครู ไม่มีเพื่อนสนิท

ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับบริบทของสิ่งแวดล้อมที่เข้าร่วมได้

2. มีพฤติกรรมเป็นแบบแผน หรือมีความสนใจซ้ำ ๆ จำกัดในเรื่องเดิม

ชอบทำกิจกรรมเดิมซ้ำ ๆ วนไปวนมา หากถูกบังคับให้เปลี่ยนพฤติกรรมจะหงุดหงิดอาละวาดทันที

ร้องไห้หากต้องทำในสิ่งที่ไม่สนใจ หรือเมื่อเจอกับบุคคลที่ไม่คุ้นเคย

ชอบเล่นซ้ำ ๆ มองสิ่งที่สนใจซ้ำ ๆ โดยจะสนใจในรายละเอียดของสิ่งของเป็นอย่างมาก

ชอบเรียงสิ่งของให้เป็นระเบียบ หรือเรียงเป็นแถวยาวต่อ ๆ กัน

ยึดติดกับความคิด สถานที่ หรือการกระทำเดิม ๆ เช่น ต้องนั่งทานข้าวที่เดิมเสมอ

ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อประสาทสัมผัสสิ่งเร้า แสง สี เสียง ผิวสัมผัส อุณหภูมิ เช่น อาจตอบสนองหรือไม่ตอบสนองต่อความเจ็บปวด ไม่ตอบสนองต่ออากาศร้อนหรือเย็น หรือในทางตรงกันข้ามคือมีการตอบสนองมากกว่าปกติ

แสดงออกซึ่งสิ่งที่ไม่ชอบอย่างรุนแรง เช่น ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าพอดีตัว ไม่ชอบให้จู้จี้จุกจิก

หมกมุ่นหรือสนใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเป็นพิเศษ เช่น หลงใหลในวัตถุที่มีแสงหรือมีการเคลื่อนไหว เช่น ของเล่นที่มีไฟกระพริบ มีแสงวับวาว ของเล่นที่มีล้อหมุน เช่น รถของเล่น หรือพัดลม

ชอบกระโดด ชอบกระพือแขน เขย่งเท้า สะบัดมือซ้ำ ๆ

ออทิสติกสามารถบำบัดรักษาโรคได้โดยเข้ารับการรักษาร่วมกันกับการกระตุ้นพัฒนาการทางด้านภาษาและการสื่อสาร รวมถึงการเข้าสังคมเพื่อช่วยให้เด็กที่เป็นออทิสติกมีพัฒนาการรอบด้านที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยออทิสติกในเด็กเล็กอาจกระทำได้ยาก ทั้งนี้การสังเกตอาการบ่งชี้ของอออิสติก และรีบนำเด็กมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจประเมินเบื้องต้น และเฝ้าติดตามพัฒนาการของเด็กอย่างใกล้ชิด จะเป็นตัวช่วยให้เด็กได้รับการวินิจโรคและรับการบำบัดรักษาได้เร็วตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยได้เหมือนกับเด็กปกติทั่วไป ครั้งหน้าพวกเราจะมีข้อมูลการวินิจฉัย วิธีการรักษามาให้ทุกท่านได้อ่านรอติดตามกันได้เลยค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *