ช่วงอายุ 7 -12 ปี ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ลูกจะได้พัฒนาทักษะทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และการเข้าสังคม เพื่อให้พวกเขาพร้อมเติบโตสำหรับการเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต การเล่นกีฬา ไม่ว่าจะเป็นกีฬาประเภทใดก็มีผลทางจิตวิทยาต่อเด็ก ๆ ทั้งสิ้น

อีกทั้งวันที่ 16 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ยังเป็น “วันกีฬาแห่งชาติ” วันนี้คุณครูเลยจะพาคุณพ่อคุณแม่ และเด็กๆ มารู้จักกับประโยชน์ของการเล่นกีฬา รวมถึงกีฬาที่เหมาะกับช่วงวัย 7-12 ปี

1. กระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ

เมื่อเริ่มออกกำลัง และขยับตัวอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนเพื่อสร้างสมดุลระหว่างระบบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับกิจกรรมที่ทำอยู่ เช่น

  • มวลกระดูกและกล้ามเนื้อมีการหดตัว-ยืดหยุ่น
  • หลอดเลือดและหัวใจได้สูบฉีดเลือดและส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะ
  • ระบบประสาทสั่งการที่ให้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนทำงานประสานกันได้ดีขึ้น

2. เพิ่มการเจริญเติบโต

ประโยชน์ของการเล่นกีฬาตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทซึ่งมีความสำคัญต่อสมองของเด็ก ๆ รวมทั้งการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต ช่วยเพิ่มความสูง การขยายตัวของมวลกล้ามเนื้อและกระดูก

3. ระบบประสาททำงานเต็มประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งประโยชน์ของการเล่นกีฬาคือ เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นระบบประสาทได้อย่างดีเยี่ยม เพราะระบบประสาทของเราทำหน้าที่ประมวลผลสิ่งเร้าภายนอกที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็น ทิศทางของลูกฟุตบอล เสียงตะโกนจากเพื่อนร่วมทีม แล้วออกคำสั่งไปยังอวัยวะต่าง ๆ เช่น ขาและข้อต่อ ทำให้ลูกเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อตอบสนองได้อย่างแม่นยำ

4. ร่าเริง พร้อมสำหรับการเรียนรู้

การพาลูกเข้าไปทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ เช่น การออกกำลังกาย จะทำให้สมองของลูกหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) โดพามีน (Dopamine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ออกมา

  • เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) เป็นฮอร์โมนแห่งอารมณ์ในแง่บวกที่ช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกมีความสุข
  • โดพามีน (Dopamine) เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ รวมทั้งช่วยกระตุ้นทักษะการเคลื่อนไหว ความจำ และการเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้ดีมากขึ้น
  • เซโรโทนิน (Serotonin) เป็นสารต้านความเครียดที่หลั่งจากสมองและทางเดินอาหาร มีผลกับการทำงานของกล้ามเนื้อ อารมณ์ พฤติกรรม และการนอนหลับ

5. ผ่อนคลายความเครียด

การเล่นกีฬาเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและมีการไหลเวียนของเลือดที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยให้เด็ก ๆ อารมณ์ดี มีสมาธิ สามารถจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนลืมเรื่องเครียดไปได้ชั่วขณะ

6. มีพัฒนาการด้านอารมณ์

ในกีฬาแต่ละประเภทจะมีกฎ กติกา รวมทั้งการที่ต้องตัดสินใจร่วมกับเพื่อนคนอื่นในทีม สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งคุณค่าของการเล่นกีฬา ที่จะคอยสอนให้ลูกของเราได้ฝึกระเบียบวินัย การควบคุมอารมณ์ให้แสดงออกอย่างเหมาะสม และการมีน้ำใจนักกีฬา เมื่อเติบโตขึ้นพวกเขาจะเป็นเด็กที่มีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของคนรอบข้าง

7. เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

กีฬาเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เปิดโอกาสให้ลูกได้สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อนใหม่ รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เด็ก ๆ จะมีความเชื่อมั่น รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง (Self-esteem) และกล้าแสดงออกต่อหน้าคนอื่น ๆ มากขึ้น

1. แบดมินตัน

เป็นกีฬาที่ฝึกได้ง่าย และคุณพ่อคุณแม่สามารถเล่นได้กับลูกๆ ได้ เป็นกีฬาที่เสริมสร้างพัฒนาการของร่างกายได้ดี เพราะต้องมีการวิ่ง กระโดด วิ่งสไลด์ รวมถึงการวิ่งไปรอบๆ สนาม ซึ่งทำให้ได้ออกกำลังกายทุกส่วนตั้งแต่ แขน ข้อมือ ขา หัวไหล่ การทรงตัว อีกทั้งยังมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมือและสายตาอีกด้วย

2. บาสเก็ตบอล

ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายของเด็กมีความคล่องแคล่วว่องไว ซึ่งบาสเก็ตบอลจะอาศัยการก้าวกระโดดและการยืดตัว ทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดได้รับการกระตุ้น มีการยืดขยาย ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเด็กๆ วัย 7-12 ปี มีการเจริญเติบโตได้อย่างสมวัย และบาสเก็ตบอลยังเน้นการเล่นแบบทีม ซึ่งจะช่วยเรื่องการบริหารสมอง ระบบความคิด และการแก้ปัญหา ทำให้เด็กๆ มีความคิดอย่างเป็นระบบ

3. ฟุตบอล

เป็นกีฬายอดนิยมสำหรับเด็ก อีกทั้งยังช่วยพัฒนาทั้งด้านร่างกาย ความคิด และอารมณ์ ซึ่งฟุตบอลคือกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา และระหว่างเล่นต้องใช้ความคิดในการวางแผน มองภาพรวม ปรับเปลี่ยนการเล่น รวมถึงช่วยเรื่องอารมณ์และการทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่น

4. ว่ายน้ำ

เป็นกีฬาที่ช่วยในการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก ช่วงให้กล้ามเนื้อหัวใจและทางเดินหายใจแข็งแรงขึ้น นอกจากนั้น กีฬาว่ายน้ำเป็นกีฬาที่มีความเพลิดเพลินและบรรเทาความเครียดได้ดี ช่วยให้เล็กได้พัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์อีกด้วย

5. กอล์ฟ

เป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูง ฝึกการออกกำลังแขน การควบคุมอารมณ์ รู้จักการวางแผน และเรื่องรอบตัว เช่น การดูแรงลม การรู้จักหญ้าในสนาม รวมถึงการแข่งขันกับตัวเอง ซึ่งในช่วงอายุนี้ เด็กๆ จะมีความนิ่งและเข้าใจและเรียนรู้ได้เร็ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *