
ส่วนมากเวลาที่ผู้ใหญ่เห็นเด็กๆ ก็อยากเข้าไปเล่นหรือทำความรู้จักด้วย การเข้าหาด้วยการหยอก การแกล้ง บางครั้งผู้ใหญ่มักจะรู้สึกตลกขบขันหรือมันเขี้ยวเวลาเด็กๆแสดงอารมณ์มากๆ ออกมาเพราะดูแล้วรู้สึกเป็นเรื่องสนุกสนาน ยิ่งเห็นมีปฏิกริยาแสนไร้เดียงสาก็ยิ่งอยากให้มีอาการที่มากขึ้น ถึงแม้จะเต็มไปด้วยเจตนาที่ดีแต่การเข้าหาเด็กด้วยการแกล้งหรือหยอกล้อด้วยการเห็นเป็นเรื่องสนุก อาจจะส่งผลเสียกับเด็กได้มากกว่าที่คิด

เพราะเด็กๆยังมีจิตใจที่อ่อนโยนและบอบบาง บางครั้งเด็กไม่สามารถเข้าใจการหยอกล้อด้วยการแกล้งหรือเล่นแรงๆ ของผู้ใหญ่ ดังนั้นการเล่นหรือเข้าหาเด็กที่ถูกวิธีจึงควรเป็นการเข้าหาที่ควรทะนุถนอมความรู้สึกของเด็กๆ ไม่ให้ตกใจ หวาดกลัว และผลของการเล่นหรือหยอกล้อเด็กผิดวิธี ยังอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ จิตใจ และอารมณ์ของเด็กในระยะยาวได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเพราะอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็กอีกหลายข้อตามมา
การหยอกหรือการแกล้งนี้ส่งผลอย่างไรบ้างหากทำบ่อยจนมองเป็นเรื่องปกติ
มาดูกันเลยค่ะ

เด็กกลายเป็นคนวิตกกังวลง่าย ขี้ระแวงและไม่ไส้ใจใคร
หากเด็กถูกแกล้งหรือทำให้เสียใจ เช่น ถูกเอาของไปซ่อน จะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาของคนอื่น และเป็นคนอ่อนแอที่มักจะถูกหัวเราะเยาะ หรือดูถูกความรู้สึกเสมอ ส่งผลให้เด็กกลายเป็นคนมองโลกแง่ร้าย ไม่เชื่อใจคนอื่น และมักเกิดความรู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลาที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และไม่มีความสุขในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

ทำให้ขาดความมั่นคงทางใจ
เด็กที่ถูกแกล้งหรือหยอกล้อด้วยคำพูดที่ทำให้รู้สึกอับอาย เช่น ทำไมสีผิวดำ ทำไมอ้วน หรือพูดหลอกให้กลัว เช่น กินเก่งมาก ระวังแม่จะเอาไปให้คนอื่นเลี้ยงแทนนะ
การพูดหยอกล้อเด็กในลักษณะนี้จะทำให้เด็กรู้สึกขาดความมั่นคงทางจิตใจ ไม่ชอบตัวเอง และอาจทำให้มีพัฒนาการแย่ลง เพราะความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่มั่นใจในความรักของคนในครอบครัว

เด็กเข้าใจว่าการแกล้งหรือรังแกกันเป็นเรื่องธรรมดา
หากเด็กไม่มีอาการหวาดวิตก แต่เกิดการเรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ สิ่งนี้ก็อันตรายเช่นกันเพราะปัญหานั้น ไม่ต่างกับการที่ผู้ใหญ่ใช้ความรุนแรงและส่งผลให้เด็กกลายเป็นคนก้าวร้าวในสังคม เมื่อเขาเรียนรู้ว่าการแกล้งคือเรื่องธรรมดาที่สามารถทำได้ ก็อาจติดนิสัยไปใช้กับบุคคลภายนอก และหากไม่มีใครห้ามจนการแกล้งหนักข้อขึ้น จะกลายเป็นความรุนแรงในที่สุดเมื่อเริ่มมีการทำร้ายร่างกายหรือพูดจาด้วยคำหยาบคายฃ

เด็กจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า
บ่อยครั้งที่การหยอกของผู้ใหญ่ จะชอบพูดว่า “พ่อแม่ไม่รักแล้ว” “โดนเก็บมาเลี้ยง” “พ่อแม่รักคนนั้นคนนี้มากกว่า” “โตไปไม่สวยแน่ๆ” “ขี้เหร่มาก” อาจมองเป็นคำขำๆ ที่แซวเพื่อความสนุก แต่คนที่ได้รับสารนั้นไม่ได้รู้สึกเป็นเรื่องสนุกได้ เพราะเด็กยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนหลอก การรับสารมามากๆว่าเขาไม่ใช่คนที่ถูกรัก ไม่ใช่ลูกแท้ๆ เป็นเด็กที่หน้าตาน่าเกลียด ก่อให้เกิดปมในใจและสุดท้ายเขาจะเชื่อว่า เรื่องเหล่านั้นคือความจริงจนกลายเป็นเด็กที่กีดกันตัวตนออกจากครอบครัวในที่สุด
วิธีการหยอกเล่นที่ถูกวิธี

ชวนพูดคุยเรื่องที่สนใจหรือสนุกสนานแทนการวิจารณ์รูปร่างหน้าตาและความสัมพันธ์เพื่อให้เกิดหัวข้อสนทนาที่สร้างสรรค์กับเด็ก

ไม่หยิบหรือดึงของออกจากมือลูกหรือหลานแต่ใช้วิธีขอดู,ขอจับแทนเพื่อให้เด็กรู้จักที่จะมีน้ำใจแบ่งปัน

วางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นผู้ใหญ่ หากพบเห็นว่ามีญาติผู้ใหญ่คนอื่นในบ้านมีการแกล้งรุนแรงหรือพูดวาจาไม่ดี ให้เตือนกันเองว่าไม่ควร

คอยชมและคอยบอกเสมอว่าเขาเป็นลูก, หลานที่รักและเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอเพื่อสร้างความรักความผูกพันระหว่างผู้ใหญ่และเด็กให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ที่มา : https://aboutmom.co/