
“โรคสมาธิสั้น” (ADHD , Attention Deficit Hyperactivity Disorder)

เป็นปัญหาทางพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียนและเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้เด็กมีปัญหาด้านการเรียน เกิดจากความบกพร่องในการทำหน้าที่ของสมอง มีอาการหลักเป็นความผิดปกติทางด้านพฤติกรรมได้แก่ ขาดสมาธิ ซนอยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น ขาดการยับยั้งชั่งใจ ที่เป็นมากกว่าพฤติกรรมตามปกติของ เด็กในระดับพัฒนาการเดียวกัน

สาเหตุของสมาธิสั้น
โรคสมาธิสั้นมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยชีวภาพและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและการทำงานของสมองตั้งแต่ขณะอยู่ในครรภ์ ขณะคลอด และหลังคลอดที่อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน โดย มีสาเหตุจากปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นสาเหตุหลัก
ส่วนปัจจัยอื่นเช่น ภาวะขาดออกซิเจน การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนอื่นของการตั้งครรภ์และการคลอด มารดาดื่มสุรา/สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์ การได้รับสารพิษ เช่นภาวะพิษจากสารตะกั่ว
ส่วนปัจจัยด้านการเลี้ยงดู เช่น การเลี้ยงดูที่ขาดระเบียบ หรือการปล่อยให้เด็กดูโทรทัศน์มากเกินไป ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคสมาธิสั้น แต่อาจมีส่วนทำให้อาการของโรคสมาธิสั้นเป็นมากขึ้นได้

วิธีสังเกตอาการของโรคสมาธิสั้น
- ซน อยู่ไม่นิ่ง เด็กจะมีอาการซน ยุกยิก นั่งนิ่งไม่ค่อยได้ เคลื่อนไหวตลอดเวลา เล่นโลดโผน
- ขาดสมาธิ เด็กไม่สามารถจดจ่ออยู่กับการเรียน ไม่สามารถตั้งใจฟังครูสอนได้อย่างต่อเนื่อง มีอาการเหม่อลอย วอกแวกง่าย ทำงานไม่เสร็จ เบื่อง่าย ผลงานที่ออกมาไม่เรียบร้อย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เด็กเรียนรู้ไม่เต็มศักยภาพ หลงลืมกิจวัตรที่ควรทำเป็นประจำ หรือทำของหายบ่อย
- ขาดการยับยั้งใจตนเอง หุนหันพลันแล่น ขาดการยั้งคิด ทำโดยไม่ไตร่ตรองถึงผลกระทบที่ตามมา อดทนรอคอยไม่ค่อยได้ ไม่สามารถควบคุมตนเองให้ทำในสิ่งที่ควรทำให้จนเสร็จ
วิธีการตรวจโรคสมาธิสั้น
การวินิจฉัยโรคสมาธิสั้นเป็นการวินิจฉัยทางคลินิกโดยแพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย สังเกตพฤติกรรมเด็ก และประเมินด้วยแบบประเมินพฤติกรรมเด็ก ตรวจทางจิตวิทยา (ตรวจเชาวน์ปัญญา และตรวจวัดความสามารถทางด้านการเรียน)
นอกจากนี้แพทย์จะต้องวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะอื่นๆ ที่อาจทำให้เด็กมีอาการคล้ายกัน ได้แก่
- พฤติกรรมซนปกติตามวัย
- ปัญหาจากการเลี้ยงดูที่ขาดการฝึกระเบียบวินัย
- ปัญหาเกี่ยวกับสายตาหรือการได้ยิน
- โรคทางกายบางอย่าง เช่น พิษจากสารตะกั่ว ลมชัก หรือธัยรอยด์เป็นพิษ
- ผลข้างเคียงจากยา เช่น phenobarbital
- โรคทางจิตเวชอื่นๆ เช่น
- ภาวะสติปัญญาบกพร่อง (Intellectual disability)
- บกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disorder)
- ออทิสติก (autistic disorder)
- ดื้อ ต่อต้าน (oppositional defiant disorder)
- โรคเกเร (conduct disorder)
- ภาวะการปรับตัวผิดปกติ (adjustment disorder)
- โรควิตกกังวล (anxiety disorder)
- ปัญหาทางอารมณ์ (mood disorder)

วิธีการรักษาและช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้น
การรักษาโรคสมาธิสั้นต้องอาศัยการรักษาแบบผสมผสานทั้งการปรับพฤติกรรมและการใช้ยาร่วมกัน (multimodal management) และต้องอาศัยความร่วมมือกันจากหลายฝ่าย ทั้ง พ่อแม่ ครู หมอ โดยประกอบด้วยการให้ความรู้และคำแนะนำวิธีการช่วยเหลือแก่ผู้ปกครองและผู้ป่วย การประสานงานกับครูเพื่อให้มีการช่วยเหลือที่โรงเรียน การใช้ยา และการรักษาภาวะที่พบร่วมรวมทั้งแก้ไขผลกระทบของโรคสมาธิสั้นที่เกิดขึ้น
- การรักษาด้วยยาโดยแพทย์ จะทำให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ซนน้อยลง ดูสงบลง การรักษาด้วยยาจะไม่ทำให้เด็กติดและไม่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตเนื่องจากอยู่ในความดูแลของแพทย์ แต่ผู้ปกครองต้องพาเด็กพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- การช่วยเหลือด้านจิตใจ แพทย์จะให้คำแนะนำและข้อมูลที่ถูกต้องในการดูแลเด็ก เพื่อขจัดความเข้าใจผิดต่างๆ ของผู้ปกครองที่คิดว่าเด็กดื้อ และเพื่อให้เด็กเข้าใจว่าปัญหาที่ตนเองมีนั้นไม่ใช่ว่าตนเองเป็นคนไม่ดี
- การช่วยเหลือด้านการศึกษา
ผู้ปกครอง ควรเอาใจใส่ในเรื่องการเรียน ประสานงานกับคุณครูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการจัดการเรียนให้เหมาะสมกับเด็กตามศักยภาพ
ด้านการเรียน ครูควรช่วยจัดระบบการเรียนการสอนไม่ให้ซับซ้อน ตารางเรียนแน่นอน หากมีการเปลี่ยนแปลงต้องแจ้งให้ทราบและเตือนความจำทุกครั้ง และจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับเด็ก จัดทำกฎระเบียบที่ชัดเจน และทบทวนข้อตกลงบ่อยๆ มอบหมายงานอย่างชัดเจน และไม่ควรใช้วาจาตำหนิ หรือ ทำโทษ ประจานเด็กต่อหน้าเด็กคนอื่น เมื่อเด็กทำความผิด ใช้วิธีอื่น เช่น การลดเวลาพักระหว่างเรียน ให้แรงเสริมทางบวก กล่าวชมเชยเมื่อเด็กทำดี ส่งงานตรงตามกำหนด เพื่อช่วยให้เด็กสมาธิสั้นประสบความสำเร็จในการเรียนตามศักยภาพ เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง - ด้านสังคม สอนให้เรียนรู้ทักษะทางสังคมที่จำเป็นต่อการปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นของเด็กสมาธิสั้น ช่วยให้เด็กสมาธิสั้นมีเพื่อน โดยการสังเกตเพื่อค้นหาปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อน หากิจกรรมกลุ่มให้ทำร่วมกันเกิดการเรียนรู้การอยู่ร่วมกับเพื่อน โดยกิจกรรมนั้นต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจน โดยมีครูคอยควบคุม รวมถึงจัดเพื่อนช่วยดูแลเด็กสมาธิสั้นโดยต้องเป็นเด็กที่เข้าใจกัน คอยเตือนความจำ สอนการบ้าน ช่วยชี้แนะสิ่งที่ถูก
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยหลัก ลดสิ่งเร้า เพิ่มสมาธิ เพิ่มการควบคุมตนเอง จะช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น มีความอดทน และควบคุมตนเองได้ดี

จินตคณิต เป็นหนึ่งในแนวทางของการเรียนที่มีระบบแบบแผนแน่นอนพร้อมการฝึกฝนที่สม่ำเสมอ “การเรียนกับ Happy Kids ไม่เพียงแต่เข้าใจเด็กแต่ละคน แต่ยังเป็นการเรียนการสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป” สอดแทรกการเรียนพร้อมเกมความรู้ให้เด็กเกิดความสนุกสนาน แต่ก็ยังไม่ทิ้งการฝึกฝนเพื่อเพิ่มสมาธิ การจดจ่อกับตนเอง อย่างเช่น การจับเวลาหรือการฟังโจทย์แล้วตอบคำถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เรียนอีกด้วย
อ้างอิง : สถาบันราชานุกูล