สอนเท่าไหร่ ทำไมไม่จำ? ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นกับทั้งนักเรียนและผู้ปกครองหลายๆคน เราจึงควรเริ่มจากการทำความรู้จักกับ ความหมายของ “การจำ” กันก่อนค่ะ

“การจำ” เป็นกระบวนการความสามารถในสมอง ที่เกิดจากการเก็บและรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าไป และดึงข้อมูลนั้นกลับมาใช้งานได้เมื่อต้องการ เพราะ พบเจอกับประสบการณ์หรือสถานการณ์ที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน เพราะฉะนั้นความสามารถในการจำของแต่ละคนก็จะไม่เท่ากัน นั่นเองค่ะ

การถ่ายทอดสารของคนพูด

คำพูดหรือวิธีการสื่อสารออกไปของผู้พูด ล้วนมีผลต่อการรับรู้สารและประสิทธิภาพความจำของเด็กหรือผู้รับสารแทบทั้งหมด เราจึงควรระมัดระวังในการใช้คำพูด โทนเสียง และเลือกคำพูดที่เหมาะสม เพราะถ้า สื่อสารออกไปด้วยความรุนแรงหรือโมโห อาจส่งผลกระทบ ทำให้เด็กๆ ต่อต้านและปฏิเสธที่จะรับสารเหล่านั้น เช่น กลับมาจากโรงเรียน คุณแม่บอกให้ล้างมือด้วยน้ำเสียงที่ตะคอก เด็กก็จะเกิดความต้อต้านและไม่อยากทำในใจกับเรื่องนี้

ความบกพร่องในการเรียนรู้

โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disorder – LD) เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการเรียนรู้ที่แสดงออกทางด้านการอ่าน การเขียนสะกดคำ การคำนวณ และเหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ ทำให้ศักยภาพของเด็กต่ำกว่าปกติ ซึ่งสิ่งนี้มีผลอย่างมากในเรื่องของความจำ ดังนั้น การตรวจคัดกรอกเด็กหรือผู้ฟังที่มีปัญหาในเรื่องนี้ เพื่อให้ได้รับการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยเรื่องพัฒนาการให้พวกเขากลับมาเรียนรู้ได้ดีขึ้น

ความพร้อมในการรับข้อมูล

การที่ผู้พูดพูดไประหว่างที่พวกเขากำลังสนใจหรือทำอย่างอื่นอยู่ ทำให้ผู้รับข้อมูลได้รับสารไม่ครบถ้วน หรือไม่ได้สารเลย เวลาที่ผู้รับสารพร้อมจึงสำคัญมากๆ เพราะถ้าผู้ฟังพร้อม จะทำให้ได้รับสารที่สื่อออกไป ไม่มากก็น้อยตามแต่ละคน

ข้อมูลที่ซับซ้อน

การให้ข้อมูลที่ซับซ้อน หรือยากเกินไปสำหรับรับสารก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรจะพิจารณา ผู้สื่อสารควร คำนึงถึงเรื่องอายุ และใช้คำที่เหมาะสมกับวัย เพื่อที่การให้ข้อมูลที่ย่อยได้ รับฟังได้ง่าย และเข้าใจตรงกัน

กลยุทธ์ในการจำ

1. สถานที่

มีผลต่อสมาธิและสภาพแวดล้อมตอนรับสาร การอ่านหนังสือ หรือแม้แต่การฟัง บางคนชอบที่เงียบๆ บางคนชอบเปิดเพลงไปด้วย

2. จำเป็นภาพ

ถ้าเราใช้การจำเป็นภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว หรือการเรียน จะช่วยทำให้จำได้มากขึ้น และไม่น่าเบื่อ แถมยังได้ใช้จินตนาการในการวาดอีกด้วย

3. ทบทวนบ่อยๆ

การทบทวนเรื่องที่ผ่านมาแล้วก่อนที่จะอ่านเรื่องถัดไปจะทำให้เราคุ้นชินกับการเขียนซ้ำลงไปยังสมอง หรือแม้กระทั่ง การที่เราเขียนหรือออกเสียงไปด้วย ช่วยให้จำได้ดีขึ้น เพราะเป็นการทบทวนและได้ยิน เรื่องนี้ ซ้ำๆ นั่นเอง

จากบทความที่กล่าวมา เราได้รู้ข้อมูลแล้วว่า การจำหรือการลืมนั่นเป็นสิ่งที่มาคู่กัน เราอาจจะจำบางเรื่องได้และในขณะเดียวกันเราก็อาจจะลืมอีกเรื่อง สำหรับบางเรื่องที่เรานั่นได้วนกลับมาเจอก็อาจจะนึกและจำความทรงจำนั่นได้ ดังนั้น ถ้าผู้รับสารลืมหรือจำข้อมูลไม่ได้นั่น ผู้พูดอาจจะต้องหาวิธีหรือใช้คำพูดที่ดึงความสนใจให้ความทรงจำนั่นกลับมา แทนการพูดทำร้าย หรือพูดด้วยน้ำเสียงทำร้ายจิตใจ จะเป็นผลลัพธ์หรือทำร้ายจิตใจผู้ฟังมากกว่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *