ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่สมองทำงานผิดปกติ เป็นผลให้มีอาการหลงลืม ความจำเสื่อม บุคลิกเปลี่ยนแปลง ขาดความสามารถในการเรียนรู้และการสื่อสาร รวมไปจนถึงไม่สามารถประกอบกิจวัตรประจำวันได้

           ภาวะสมองเสื่อม เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมอง มีแนวโน้มการเกิดมากขึ้นตามอายุ   โรคอัลไซเมอร์” จัดเป็นภาวะสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด อาจพบภาวะสมองเสื่อมในโรคหลอดเลือดสมอง โรคติดเชื้อทางสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพิษสุราเรื้อรัง การขาดวิตามินบีเป็นเวลานาน หรือเกิดจากการกินยานอนหลับหรือยากล่อมประสาทอย่างต่อเนื่อง

อาการของภาวะสมองเสื่อม

  1. ความจำเสื่อม นับเป็นอาการแรกๆของภาวะสมองเสื่อม จำชื่อคนใกล้ชิดไม่ได้ ไม่สามารถจำหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ วางของแล้วจำไม่ได้ ถามคำถามซ้ำซาก ลืมว่าเคยถามและได้คำตอบแล้ว
  2. ไม่สามารถทำงานที่เคยทำได้ เช่น เคยขับรถได้แต่ขับไม่ได้ เคยหุงข้าวได้กลับหุงไม่เป็น
  3. มีปัญหาด้านภาษา เรียกชื่อญาติหรือคนใกล้ชิดไม่ถูก เรียกสิ่งของผิดไป นึกคำพูดไม่ออก พูดซ้ำซาก สื่อสารกับผู้อื่นไม่รู้เรื่อง
  4. สับสนเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ จำเส้นทางเดินทางไปบ้านตัวเองไม่ถูก จำสถานที่ เวลา หรือเหตุการณ์ปัจจุบันไม่ได้ บอกไม่ได้ว่าตัวเองอยู่ไหน
  5. มีความผิดปกติในการตัดสินใจ ตัดสินใจช้าและตัดสินใจไม่ถูก ไม่เหมาะสมกับกาลเทศะ ตัดสินใจผิดพลาด
  6. สติปัญญาด้อยลง ขาดความสามารถในการวางแผน บวกนับเลขไม่ถูก ทอนเงินไม่ถูก
  7. วางสิ่งของผิดที่ไม่เหมาะสม เช่น วางแว่นตาในอ่างน้ำ วางถังขยะบนโต๊ะอาหาร และมักหาสิ่งของไม่พบ
  8. อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว หรือซึมเศร้า อาจนั่งร้องไห้โดยไม่สามารถอธิบายสาเหตุ เพราะการสื่อสารไม่เข้าใจ
  9. บุคลิกภาพและพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น หนีสังคม เก็บตัว ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมและเหตุการณ์รอบตัว ในรายที่เป็นรุนแรง จะมีปัญหาการช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำเองไม่เป็น ใส่เสื้อผ้าเองไม่เป็น ติดกระดุมเสื้อเองไม่ได้ตักข้าวกินเองไม่ได้

การป้องกันภาวะสมองเสื่อม

  1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่างสมดุล หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รสเค็มหรือหวานจัด
  2. งดเสพสุรา และสารเสพติด งดสูบบุหรี่
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไป สัปดาห์ละ 3 – 5 วัน
  4. ระวังอุบัติเหตุต่างๆ โดยเฉพาะอุบัติเหตุทางสมอง ใส่หมวกกันน็อค คาดเข็มขัดนิรภัยเวลานั่งรถ
  5. เข้าสังคมผู้สูงอายุ พบปะผู้อื่นบ่อยๆ มีกิจกรรมทำร่วมกับผู้อื่น
  6. รักษาโรคประจำตัวอย่างสม่ำเสมอ เช่น รักษาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และตรวจสุขภาพประจำปี
  7. ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ฝึกสมาธิ
  8. ฝึกบริหารสมอง เช่น ฝึกเล่นเกม อ่านหนังสือบ่อยๆ หัดคิดเลข

ภาวะสมองเสื่อมกับจินตคณิต

          จากการป้องกันภาวะสมองเสื่อมในข้อที่ 8 “จินตคณิต” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สามารถป้องกันการเสื่อมของสมอง เนื่องจากจินตคณิตเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่พัฒนาสมองทั้งสองซีก โดยใช้ตัวเลขนิ้วมือ เป็นสื่อในการเรียนการสอน ผลที่ได้จากการเรียนจินตคณิตนั้น ผู้เรียนจะมีสมาธิที่ดีขึ้น สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลาที่นานขึ้น เพราะการเรียนจินตคณิตเป็นการคิดเลขโดยใช้จินตภาพซึ่งต้องใช้ความนิ่งของสมาธิค่อนข้างมาก เป็นการสร้างภาพจากการฝึกฝน

ในขณะเดียวกันนั้น สมองทั้งสองฝั่งซึ่งใช้ในการเรียนจินตคณิต จะถูกกระตุ้นและพัฒนาไปพร้อมๆ กัน การใช้มือในการคิดนั้นจะเกิดการประสานระหว่างมือกับการกระตุ้นเซลสมอง เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ของสมองทั้งหมด นอกจากเรื่องการคำนวณแล้วการเรียนจินตคณิตยังสามารถเพิ่มศักยภาพ ด้านต่าง ๆ ทำให้มีสมาธิและเพิ่มศักยภาพของการจำ

จินตคณิตจึงไม่เพียงแค่เหมาะสำหรับเด็กๆ เท่านั้น แต่ยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัยอีกด้วย หากสนใจการเรียนจินตคณิตที่เรียนแล้วไม่เบื่อ เรียนแล้วสนุก ทดลองเรียนได้ก่อนตัดสินใจ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook : https://www.facebook.com/HappyKidsStation